กะเหรี่ยง ผี!
" แค่เห็นเป็นเงาลางๆ ไม่กล้าพูด...
ผู้เข้าชมรวม
457
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ณ หมู่บ้านกะเหรี่ยงคริสต์อันไกลโพ้น
เดือนคล้อยลงต่ำ มื้อดา ยามนั้นยังรุ่นกำดัดแรกแตกมังสะสาว ทั่วสรรพางค์ฉวีนางนวลลออระเรื่อ โขนงโค้งเรียว สองเนตรงามด้วยเปนประกายระยิบ อีกเกศนั้นเล่าก็มันงามแลดำสุดดำ ร่างระหงมิผอมมิพีอะเคื้อยิ่งแล้ว
ค่ำนี้นางมุ่งปักภูษาโดยใช้เข็มด้ายเบี้ยหอยแลลูกเดือยหมายใจจักให้เป็นลาย “ พะโดกิ “ ( ลายงูเหลือม ) อยู่บนกระท่อมแห่งนางอันเปนเรือนยกใต้ถุนสูงทอดกระไดลงดิน กระใดนี้ ยามมิใช้สอย อาจยกขึ้นเก็บได้ ( นึกซะว่าพวกนี้เป็นภาษากะเหรี่ยง ) แท้ๆแล้วงานปักผ้าเปนกิจเปนรีตที่มื้อดามิใคร่พึงใจนัก ด้วยดรุณผู้ใดยะ ( ทำ ) การฉะนี้ เปนนัยคร่าวๆ ว่าบุตรีนั้นมีจริตแลหมายท่าหมายคอยผู้ใดอยู่จวบน้ำค้างลงแล้วจึ่งมิได้ฤกษ์เข้าหลับเข้านอน หากภูษาเครื่องนุ่งแห่งมื้อดาที่มารดาเคยเย็บฮื่อ ( ให้ ) นั้นบัดนี้ออกเก่าคร่ำสิ้นเสี้ยง ( หมด ) ทุกผืนชิ้น แลนางล้วนมีกิจมิว่างเว้นในช่วงวัน จึ่งนางต้องจำหฤทัยลงหัตถ์เย็บด้วยตัวเก่า ( ตัวเอง ) เมื่อตะวันลาแล้ว
จักนุ่งผ้า
ห้ามซื้อ
ปักเองเท่านั้น คนอย่างกู
ชาติหน้าคงเสร็จมั้ง
แม้นอยู่ดายแต่ผู้เดียว นางมักติดจักเผลอรจนาไฮกุโดยงดโดยเว้นเสียมิได้ ชั่วแต่มิได้ออกโอษฐ์อื่อผู้ใดได้สดับฤๅล่วงรู้ อาจเปนเหตุให้สงสัยในจริตแห่งนางที่สนทนาด้วยตัวเก่า ( ตัวเอง )
นางชะงักจากกิจน้อยหนึ่ง แลเขม้นมองไปในเวหน
ราตรีนี้เป็นคืนลาค่วย ( พระจันทร์เต็มดวง ) กระจ่างงามด้วยแสงแขอยู่เรืองๆ ภูตพเนจรลอยระรื่นเปนที่จำเริญตาแก่ผู้มีทิพย์จักษุ แม้นใครใคร่ข่มเนตรนิทรา เกรงว่าจักมิง่ายด้วยแสงเบื้องคคนานต์กระโน้นเอื้อให้แลประจักษ์พิภพรางๆ ดุจจำลองภาพเนินไศลทิวไม้แลคณาเรือนในยามวัน ในทำนองนิลเศวต ( ขาวดำ )
หากยามนี้มื้อดาหาอภิรมย์ ฤๅทุกข์ร้อน ฤๅใส่หฤทัยในการว่าจะหลับฤๅตื่น ฤๅระแวดระวังภูตฤๅพรายฤๅอันใดนั้นหาไม่
คงมุ่งตะบอยปักภูษาไปด้วยจิตมั่น
ลึกในกมลนั้นเล่า นางเฝ้าคำนึงไปถึงกิจอันหมายในกาลอนาคต ซึ่งนางดำริจักละหมู่บ้านจรสู่นาครใหญ่
ลางทีนางจักเข้าแสวงการอันเปนประโยชน์ แลเข้าคู่บังควรแก่สติสมองแห่งนางได้กระ
มัง มื้อดาสู้ร่ำเรียนมาหนานักด้วยครูฝาหรั่งเสียจนสิ้นตำรา กล่าวได้ว่านางเปนสตรีที่เฉียบแหลมล่วงรู้ในวิทยาคณานับ หาเหมาะหาควรที่จักมาอยู่เปล่าดายเก็บเห็ดหาหอยในดงในดอนเฉกทุกทิวาราตรีนี้ไม่
เสียงฝีเท้าย่างสวบๆ ใกล้เข้ามาทีละน้อยละน้อยจากเบื้องหรดีทิศ อันหลังคาคุ้มเรือนคลุมบดบัง เปนเหตุให้นางมิอาจแลเห็นว่าผู้ใดที่เปนผู้ก้าว แลบัดนั้นเอง จู่ๆ เรือนทั้งเรือนก็โคลงสะท้านปานประหนึ่งว่าแผ่นปฤถวีสะเทือนไหว มาตรว่าเบื้องนอกยังคงนิ่งสนิทเปนปรกติ!
“ stop บัดเดี๋ยวนี้! “
นางแผดกล่าวโดยสุรเสียงทรงพลานุภาพ แลในบัดนั้นเรือนก็หยุดโคลง
หากมันผู้นั้นบ่ได้หยุดย่าง แลมิได้แจ้งนาม เมื่อนั้นมื้อดาเจ้าใช้หัตถ์ซ้ายดีดเบี้ยหอยปักผ้าออกหนึ่งเมล็ดต่างศาสตรา วาดกรซ้ายสู่เบื้องปฤษฎางค์อีกทั้งสะบัดหงายข้อหัตถ์ขวาใช้ดรรชนีไฉไลกำหนดบังคับพุ่งเข็มซึ่งร้อยด้ายสายเดียวตีวงโค้งอ้อมเรือนออกไปด้วยฤทธิ์มนตร์ สู่ตำแหน่งที่กะหมายรู้เอาโดยญาณ ( ด้วยสภาวการณ์มิเอื้อให้ประจักษ์ด้วยสองเนตร ) หากมันผู้บุกรุกป้องปัดเมล็ดเดือยแลเข็ม แลด้ายเสียด้วยเชิงดาบแลแรงกรได้ปัจจุบันทันท่วงที ด้วยแจ้งฝีมือแลสไตล์การออกอาวุธทันกันอยู่
“ ย้าง ( หยุด ) เสียเถิด เปนข้าเอง “
เปนเสียงแห่งอ้าย ต่านเจ้ง กิ๊กแต่ครั้งบรรพกาลแห่งมื้อดาที่เลี้ยงมิใคร่เชื่อง เอ่ยเอื้อนปรามนางด้วยสำเนียงเชิงสัพยอก แลเปนการแจ้งแก่ผีเรือนในทีว่าที่มาแห่งเสียงย่างดำเนินปลอมแปลกนั้นเปนเขาเองมิใช่อื่นไกล
“ ผีเรือนท่านโคลงเรือน ไล่อาคันตุกะที่ข้าบ่พึงใจต้อนรับ นับว่าชอบแล้ว! สูนั่นแล stop! มาตรว่าสู
มึงปันใจกายให้นางลิงค่างบ่างชะนีอื่นใดแล้ว why จึ่งกรายตีนมาเถิงนี่ให้ข้าเกิดโทโส หากบังอาจก้าวล่วงเขตเรือนข้า even อีก One more step อย่าได้ออกอ้างว่าอีมื้อดานี้ heart เหี้ยม “
นางติดเอ่ยวจีกะเหรี่ยงคำ อังกฤษคำ ต่อพักตร์ผู้อื่นด้วยวิสัยกะเหรี่ยงคริสต์แรกรุ่นมีการศึกษาในกาลกระนั้น
จักกล่าวไป นางเคารพผีเจ้าแถนหลวงพู้นของพวกฝาหรั่ง จำเพาะต่อเบื้องพักตราครูแหม่มผู้ประสิทธิ์ประศาสตร์วิธีคิดแลวิชชา หากบ่ได้เคยนึกลำเลิกละเลยต่อผีบน ผีน้ำ ผีลุ่ม ผี local ที่ดูแลนางมาแต่ปู่ย่าตาทวด นางสู้ถนอม “ มิซัวเกะ “ ( พรหมจรรย์ ) แห่งนางมาแต่น้อยคุ้มใหญ่ คัดเฟ้นสนทนากับผู้บ่าวจนเจนเนตรเจนหฤทัยว่ามันผู้นั้นนึกนิยมไปในวิถีผัวเดียวเมียเดียวโดยเคร่งดุจเดียวกับนางแต่เท่านั้น จึ่งคบหาแลเอื้อเฟื้อเถิงยอมฮื่อก้าวขึ้นเรือน
เมื่อนางปะหน้าต่านเจ้งในช่วงต้น มันนั้นนับว่าเปนผู้มีรูปองอาจหมดจดตำรากะเหรี่ยง กำยำกาย มีครบด้วยฉอับ ( six pack ) กริยาแลวาจาน่าแลน่าพึงหฤทัยต่อดรุณีน้อยๆอ่อนอายุ
แลนางก็โดนต่านเจ้งมันหลอก
แท้ๆ แล้ว นางแจ้งแก่ใจชั่วแต่ได้สดับเสียงฝีเท้าแล้วว่าผู้มาเยือนนั้นเป็นอริรักเก่า แลบัดนี้มันก็มิยั้งมิหยุดก้าวเข้ามาเสียที แม้นเตือนก็แล้ว
ครานี้นางโกรธจริง นางเพ่งตบะเดชะสาดลูกเดือยแลเบี้ยหอยจาก " ต่าคา "
( กระจาด ) ออกโดยแรงดุจ่าวิรุณ เอนวาดกายเวียนทักษิณาวัตรไปเบื้องปฤษฎางค์แลไขว้ข้อหัตถ์ทั้งสองสะบัดหงายกรายนิ้วทั้งสิบบังคับพุ่งปล่อยเข็มแลด้ายคละสีตีวงโค้งเปนจำนวนดุจกระสุนกลกำจายพุ่งออกจากเรือนทุกทิศา เกิดเปนเสียงแกนด้ายหมุนกราวสนั่นน่าสยดแสยง ด้วยนางหมายจักปลิดชีพส่งอ้ายชายปลิ้นปล้อนให้สิ้นชาตาไปอยู่เสียกับผี หากต่านเจ้งผู้เจนกระบวนยุทธกะเหรี่ยงกระโจนลังกาหลังสามคำรบแลหมอบต่ำเก็บกรแบสองหัตถ์คว่ำลงแนบอุระลงกับพสุธาทันท่วง เข็มแลด้ายแลเบี้ยหอยนั้นจึ่งพ้นไปมิเปนอันตราย ( ชิน เมื่อก่อนทะเลาะกันบ่อย ) มันหอบกระเส่าโอดว่า
“ จักฆ่ากันเลยเทียวฤๅ! ราตรีนี้อ้ายมาด้วยเรื่องร้อนแท้ๆ เทียวสู บ่ได้หมายใจจักมางอนง้อ ฤๅเข้าหา ฤาเกี้ยวพาอันใด แม้นจักเจ็บแปลบกมลกลถูกบีบลูกหมากนาวสดๆ ราดรดหฤทัยที่ได้แจ้งในบัดเดี๋ยวนี้ ว่ามื้อดาสูเจ้าอยู่ไฟปักผ้า
มิใช่ท่าคอยอ้ายต่านเจ้งผู้นี้ “
“ so what? จักตายอยู่แล้วมิต้องมาหยอด แล้วมีกลใด เร็ว พูดมา “
“ ต่านโจ้ง น้องบ่าวน้อยแห่งข้าถูกผีมันทำเสียแล้วสูเอย! “
ต่านเจ้งกล่าวเสียงเครือ
“ เอ็นดู ( สงสาร ) มันเถิดสู อ้ายนี้สิ้นแล้วซึ่งหนทางจึ่งสู้บากหน้ามา ชั่วแต่พ่อหมอมดผีบิดาสูล่วงลับไปอยู่กับแถนบนฟ้าเสียเมื่อเดือนสามปีกลาย อันเขตวนคามชาวเรานี้จักหาผู้ใดเรืองกฤตยามนตราคร่ำหวอดเกินชะแม่มื้อดาหาได้ไม่ ”
ต่านเจ้งว่าพลางจักขุนองด้วยจักขุชล ทว่าพลันรำลึกได้ว่ากริยาการฉะนี้หาองอาจสมชาติฉกรรจบุรุษบุตรวนาหาได้ไม่ มันจึ่งกำหัตถ์แลใช้กรปาดสองนัยนาเร็วๆ ด้วยลักษ
ณาการคล้ายปาดเหื่อ สำรวมสติกำหนดบังคับแลเอื้อนเอ่ยแสร้งจำแลงเสียงเปนคุมแค้นแทนอาดูรย์
“ มาตรว่าเปนด้วยคนผู้เสือสางฤๅต่อแตน พี่บ่าวนี้คงดับแค้นโดยดับชีพมันเสียในดาบเดียวฤๅกระสุนเมล็ดเดียวบ่ต้องเตว ( เดิน ) ตากหน้ามาลุเรือนสูให้ได้ค่อนดอก แต่นี่เปนด้วยผี“
ต่านเจ้งยก “ ทีเดอ" ( น้ำเต้าสำหรับบรรจุน้ำ ) ขึ้นจิบวารีระงับเหนื่อย ด้วยกล่าวมากวจีเสียจนศอแห้ง แลมันเสียเสโธไปจนชุ่มด้วยดำเนินมาอย่างไกล
มื้อดากำหนดหมายในกมลว่าเอาเถิด นึกเสียว่าปันข้าวเย็นเดนสำรับแก่สุนัขหลงจร นางสดับอาการของต่านโจ้งจากโอษฐ์ ต่านเจ้ง ( ชื่อน่ารักดีนะบ้านนี้ ) ด้วยจิตกุศลต่อสัตว์ผู้ยาก โดยฮื่อ ( ให้ ) มันฮ้อง ( ร้อง ) ตะโกนเล่าจากนอกเรือนชาน มิอนุญาตฮื่อ ( ให้! ) ล้ำล่วงเขตเข้ามาเถิงเรือนด้วยเดียดฉันท์
ต่านเจ้งมันว่า สามทิวาราตรีมานี้ อนุชาน้อยแห่งมันมีจริตแผกนัก บ่นท่องเพ้อพร่ำสุ้มเสียงพร่าแหบแสบสั่นกระเดียดไปข้างนางเฒ่าชรา ธัญมัจฉาก็มิยอมบริโภคจนออกซูบ แลนั่งยองย่อถ่ายมูตรโดยอิตถีเพศวิสัย ซึ่งจักมิเปนเหตุใหญ่แม้นว่ามันปล่อยเสียในทุ่งในถ้ำฤๅเชิงรุกขชาติ หากมันเยี่ยวเสียกลางเรือนน่าอุจาดวิกลนัก ชะรอยมันนั้นเล่าได้ไปล่วงเกินผีโป่งผีป่าเจ้าตนใดเข้าด้วยมิเดียงสา จนตนเกิดคุมแค้นเถิงแก่ตามมาสิงสู่เอาเถิงเรือนจึงเกิดความฉะนี้
มื้อดางามตรึกตรอง กระนั้นนางกลับดำริแผกจากต่านเจ้งผู้วันๆ มุ่งสูบฝิ่นฟันดาบแลฟันหญิง นางหาได้ปักใจเชื่อไปแต่วิถีไสยเพียงถ่ายเดียว มาตรว่าจักเปนศาสตร์ที่นางเชี่ยวชำนาญ หากพิภพยามนี้มีปวงวิทยานานาการให้ครวญคำนึง
มื้อดาละวางภูษาที่คั่งค้าง ลอบยินดีที่มีกิจให้หากจากมัน นางทรงกายขึ้นฉวยล่วม อีกฉวยเสื้อคลุมสำหรับออกนอกเรือนเมื่อวิกาลยามมากระหวัดพันกาย ลดกายลงจากเรือน ยุรยาตรย่างแต่ช้าๆ ห่างๆ มุ่งสู่เรือนแห่งต่านเจ้งหมายจักแก้ไขอาการ แลฮ้องแลเรียกขวัญคืนสู่ต่านโจ้งละอ่อนน้อย
เพลานี้นางยืนจำเพาะหน้าต่านโจ้งในเรือนซอมซ่อแห่งมัน ต่านโจ้งน้อยอยูเด่นเปนประธานกลางเรือนในท่ามณฑกกริยา ( หกกบ ) น่าเกรงขาม สองเนตรน้อยๆ ขึ้งแข็งจ้องเขียวมายังมื้อดา แลพลันหลบสายนัยนาไปคล้ายด้วยขวยละอายต่ออาการวิปริตแห่งตน
ต่านโจ้งน้อยทรุดลงนั่งเหยียดชงค์ในปัจจุบันทันที ด้วยความขบเมื่อยฤๅประสงค์อันใดก็มิแจ้ง มื้อดางามยืนเว้นหากจากมันโดยระยะคะเนได้ 2วา แลนางใช้สองนิ้วหัตถ์คีบหนีบนาสาแห่งนางเองไว้มิยอมคลาย ( เหม็นฉี่ )
“ อ้าย ( ไอ้ ) โง่ “
มื้อดาเปรยนุ่มๆ ด้วยปราณีต่อต่านเจ้ง
“ ต่านโจ้งมิได้โดนผีมันทำดอก ลักษณาการเยี่ยงนั้นหนา จัดได้ว่าอยู่ในกลุ่มของ Dissociative disorders จำพวกหนึ่งที่ฮ้องว่า Tranceandpossession disorders “
มื้อดาอัตถาธิบายเรียบๆ อย่างอ่อนหทัย
นางให้คร้านระอาต่อวิถีชีวิตอัน ( un ) ศิวิไลซ์เยี่ยงนี้จนเกินจักกล่าวอ้างเป็นภาษาใดทั้งสิ้น
อันมื้อดายามนี้กล่าวได้ว่านางเลยรุ่นสาวมามิช้ามินาน นางกำลังสู้สาละวนปลดภูษาซึ่งนางนำขึ้นผึ่งแสงรวิเสียแต่แจ้งรุ่ง จนบ่มิเหลือละอองความชื้นแล้ว ณ ยามนี้
เพลานี้มื้อดาเข้ารับเบี้ยอยู่งานซักภูษา หุงข้าวต้มแกงแลปัดแลกวาดถูดูแลเรือนแก่นางแพงแลอ้ายพัดผู้อนุชามาลุขวบปีที่สองแล้ว
ทั้งสองซึ่งยังอยู่ในวัยศึกษาหากเปนเจ้าเรือน ด้วยบิดาแลมารดรแห่งทั้งคู่จำจรไปแสวงทรัพย์ยังนาครไกล จึ่งทิ้งเรือนให้บุตรธิดาอยู่ลำพังด้วยมื้อดา ผู้เคยใช้สอยแลเห็นน้ำใจกันมาแต่กาลก่อน จึ่งไว้หฤทัยฮื่อนางนั้นเปนหูเปนตาต่างตัว แลสองภริยาสามีนั้นจักกลับมายลพักตราบุตรธิดามาสหนึ่งราวสองคำรบ
บนราวลวดโลหะลดหลั่นนั้นมีประดาพัสตราภรณ์อันนางสู้ชำระคราบเหื่อไคลรอยเปรอะแลธุลีเสียจนสะอาดเสี้ยง ( หมด ) ฝุ่น ฟุ้งสุคนธ์กำจรกำจาย หมายรวมถึงชุดกระโปรงฝาหรั่งมือสองของนางแพงซึ่งนางเพ่อสวมออกแขกร่ำสุราบานด้วยสหายแลคู่ชิ้น ( แฟน ) เมื่อรัตติกาลก่อน
พัดเพิ่งกลับมาจากข้างนอก ในมือมีถุงกางเกงยีนส์ตัวที่เพิ่งซื้อมา เดินไปเดินมาในบ้านเหมือนหาอะไรซักอย่าง ออกไปดูถึงลานที่เอาไว้สำหรับตากผ้าตรงหลังบ้าน เลยเจอมื้อดาที่กำลังเก็บผ้าอยู่
“ อ้าว พี่ดา อยู่นี่เอง “
อันนามกะเหรี่ยงแต๊ๆ ( แท้ๆ ) แห่งมื้อดานั้นออกจักเปนที่ลำบากเข็ญใจเกินแก่สองพี่หญิงน้องบ่าวจักใช้กล่าวฮ้องได้โดยสะดวกโอษฐ์ จึ่งลดรูปเหลือแต่เพียง ” ดา “ แลเพิ่มคำ ” พี่ “ บ่งอาวุโส อ้ายพัดแย้มทนต์แลเจาะจงยื่นส่งถุงใบหนึ่งจำเพาะแก่พักตร์นาง
“ พี่ดา นี่
พัดเพิ่งซื้อมาใหม่ ฝากซักด้วยพี่ “
มื้อดาทอดเนตรถุงนั้น เปิดออกแลใช้สองนิ้วหัตถ์คีบหยิบเตี่ยวฝาหรั่งผ้าเดนิมเย็บแต่เมืองมะริกันนั้นออกทัศนาโดยเดียดฉันท์ แลพลันย่นโขนงด้วยคลางแคลงในกมล
อันว่าเตี่ยวนั้นหนา แลมองคร่ำคร่าดุจว่ามิเคยได้ผ่านชลธารวารีร่วมศตสมัย เหตุใดเล่าอ้ายพัดจึ่งออกอ้างว่าเป็นของใหม่ ?
“ มือสองไงพี่ มือสอง เน่าเนอะ ต้มไปเลยดีกว่าพัดว่า “
“ ขะ(ค่ะ) ”
มื้อดาพยักพักตร์เห็นพ้อง ก่อนนี้นางเฝ้าหลากใจทุกครายามประจักษ์ว่านางแพงนิยมจ่ายเบี้ยมิใช่น้อยแลกกับของเก่าของเดนอันนางแพงออกอ้างว่าเปน ” วินเทจ “ เฉกนี้มาใช้สอยอยู่เนืองๆ ครานี้นางจึ่งเข้าหฤทัยได้โดยง่าย เมื่อหัน ( เห็น ) น้องบ่าวแห่งนางแพงนั้นมีจิตวิกลนิยมไปข้างปรารถนาจักใช้สอยข้าวของเดนเขาอื่นดุจเดียวกับนางแพงผู้เปนเชษฐภคินี
แลในเพลานั้นเอง มิรั่วรู้ว่าด้วยวาโยประหลาดฤๅแรงโน้มถ่วงวิกลจากหนใด ชุดฝาหรั่งมือสองนั้นไซร้จึ่งสำแดงการวิปริต โดยเลื่อนร่วงจากราวโลหะ สะบัดปลิวมาปะพักตร์มื้อดาแลคลุมศีรษะนางอยู่ นางตระหนกมิคาดด้วยแน่หฤทัยว่านางพาดแลหนีบมันไว้จงมั่นดิบดีแล้ว จึงเถิงแก่เผลอสติโดยพลัน ปล่อยเตี่ยวฝาหรั่งของอ้ายพัดนั้นร่วงลงปฤฐวี อ้ายพัดเห็นดังนั้นจึ่งรุดตรงเข้าฉวยเตี่ยวของตนขึ้น แลแก้ไขเสื้อกระโปรงนั้นเสียจนพ้นจากเศียรมื้อดาด้วยน้ำใจ แลเข้าเปนธุระช่วยนางประกอบกิจเก็บภูษาด้วยเล็งแลเปนมั่นเหมาะว่ากิจของนางที่ยังมิแล้ว อีกเพียงนิดก็จวนเจียนจักแหล่นจักลุล่วง ( หากกิจนั้นยังเหลืออีกนับคณา อ้ายพัดก็จักนิ่งเฉยเสีย ด้วยบ่าวผู้นี้มีสันดานไปข้างคร้านในงานบ้านอยู่เปนปรกติ ) มื้อดานางสำเหนียกรู้โดยญาน ว่าอีกมีจิรกาลเกินรอนี้ ย่อมจักบังเกิดความมิชอบมาพากลขึ้นในเคหาแห่งทั้งสองผู้ หากนางมิได้กล่าวอันใดแม้แต่วจี
ฤๅครึ่งวจี
ธรรมดาอันเรือนนางแพงแลอ้ายพัด ตราบทิวาจนลุค่ำ มื้อดานางเฝ้าอยู่แต่ผู้เดียวจนเจนกมล ด้วยสองผู้นั้นกว่าจักคืนเรือนในแต่ละราตรีก็ดื่นดึกนัก แลวันใดแม้นบ่มีเหตุเบาหนักให้ต้องจรไปยังสำนักแห่งวิชชานั้นกว่าแต่ละผู้จักลืมเนตรคืนชีวิตเปนนรชาติก็เลยเพลไปโขอยู่ แลทั้งคู่มักจักมีกิจอันมิแจ้งประโยชน์ให้ต้องละจากเรือนอยู่เปนนิจ
เพลานี้ตะวันล่วงคล้อย มื้อดาให้เพลินเพลิดในกิจจำแนกภูษา ซึ่งนางชุบชีพแลรีดเสียจนเรียบสะอาดงามเข้าคืนสำนักเดิมแห่งมัน อันบ่ใช่กิจที่ลำบากทุเรศซ้อนกลแต่ประการใด
นางเปิดตู้ในคูหาแห่งนางแพงอันมีชุดฝาหรั่งมือสองแขวนอยู่ให้เห็นได้อย่างจะแจ้ง ด้วยมื้อดาเปนผู้นำมันมาแขวน ณ จุดนั้นด้วยนางเองแต่วันวาน จึงนางจัดเก็บอาภรณ์แห่งวันใหม่เข้าแขวนแลตั้งซ้อนไว้ในตำแหน่งอันเหมาะควร
นางย่างดำเนินสู่คูหานิทรารมย์แห่งอ้ายพัด ซึ่งเพลานี้เจ้าคูหาออกกรีฑาออกเหื่อด้วยสหายมิอยู่เรือน ในหัตถ์นางนั้นมีปวงพัสตราภรณ์สำหรับบุรุษแห่งมันผู้นั้นอันอันซักเสียหอมแล้ว แลหัตถ์หนึ่งนางถือกำเตี่ยวฝาหรั่งเดนิมแน่นอย่างเต็มหัตถ์เต็มหฤทัยด้วยนางต้มแลซักแลชำระแล้วด้วยตนเองจนอ่องเอี่ยมเปนมั่นเหมาะมิโสโครกหนึบหนับออกกลิ่นคือผ้าเช็ดตีนดุจแรกประสพเมื่อวันก่อน นางเฟ้นจำแนกจัดเก็บนานาอาภรณ์เข้าคืนยังต่างตู้จนครบถ้วน แลสอดแลพาดวางเตี่ยวเดนิมนั้นบนราวไม้ลดหลั่นจำเพาะสำหรับพาดเตี่ยว แลจากนั้นนางก็ถดหลังออกมาเมื่อสิ้นธุระ
“ พี่ดา! พี่ดา! ”
เปนสุรเสียงแห่งนางแพงที่แผดกล้าสำแดงปารมีลงมาจากชั้นสองแห่งเรือน
“ ขะ? “
มื้อดาได้สดับจึ่งร้องตอบแลรุดดำเนินกึ่งวิ่งกึงๆ ขึ้นกระไดสู่นางแพงแทบจะทันที แลบัดนี้นางได้ปะนางแพงยืนพักตร์ขึ้งกอดอุระอยู่ที่นั่นเคียงด้วยอ้ายเบ็นคู่ชิ้น
มื้อดาใช้เนตรบริสุทธิ์ดุจโปดกมฤคีทอดมองพักตร์ขึ้งแห่งนางแพงด้วยฉงนว่าตัวนางนั้นได้กระทำการกลใดบกพร่องจนเปนเหตุให้นางแพงถือกริ้วออกเคืองถึงเพียงนั้นฤๅ?
ยามนี้มื้อดานางประผงแก่นไม้พื้นเมืองเสียจนขาวเหลืองนวลทั่วพักตร์
อีกทั้งสองกรกอดกระหวัดตุ๊กตาผ้าเย็บมือกะเหรี่ยงสไตล์สรรค์เป็นรูปกูปรีฤๅโคไพรที่นางนำติดกายมาแต่บ้านเกิดอันเปนสัญลักษณ์ว่านางได้ล่วงเข้าสู่ห้วงนิทรารมณ์แล้ว แลต้องมามีเหตุให้ลืมเนตรตื่นบรรทมด้วยนางแพงนี้เอง
“ไม่มีอะไรหรอก เอ่อ
พี่ดาเห็นชุดแส็ก
ชุดที่แพงใส่เมื่อวันก่อนรึเปล่าพี่ ป่านนี้น่าจะซักแล้วนะ ในห้องแพงหาหาเท่าไหร่ไม่เจอ มันใส่สบายน่ะพี่ดา แพงว่าจะเอามาใส่นอนซะหน่อย ”
นางแพงแสร้งกล่าวปุจฉาดุจมิมีโทโส ด้วยเห็นพักตร์มื้อดานั้นซื่อใสแลกังวลในกิจภาระจนอดเอ็นดูมิได้ มื้อดาสดับความนั้นแลเกิดคลางแคลงว่าเหตุอันใดนางแพงจึ่งโกรธาในกิจที่ล่วงไปโดยถูกควรแล้วฉะนั้นด้วยเล่าหนอ ?
“ อ่อ ซะและเกะห้าและขะ อยู่นาห้อขะ ”
ซับไตเติ้ล อ๋อ ซักแล้วเก็บให้แล้วค่ะ อยู่ในห้องไงคะ
“ อ้าว แล้วทำไมแพงดูห้องแพงไม่เห็นมีเลย
”
นางแพงนิ่ง แลดำริในกมลว่าอาจเปนด้วยนางมื้อดานี้เผลอสติหลงลืมฤๅมิรู้ความด้วยนางนั้นเล่ามาจากดงจากดอนอันไกลโพ้น หากมิใช่เหตุใหญ่ จึ่งกล่าวแก่นางว่า
“ เหรอพี่ เออ งั้นไม่เป็นไร เดี๋ยวแพงหาดูเองอีกทีแล้วกัน ”
นางแพงกล่าว อ้ายเบ็นสบเนตรนางแพงอย่างผูกสมัครแลห่วงใย แลรุนหลังนางแต่ช้าๆ ให้กลับหลังเข้าค้นคุ้ยในคูหาแห่งนางเองอีกคราหนึ่ง
แพงเซ็งมาก โว้ย! กะเหรี่ยงเพี้ยนนี่ ก็ดูสิห้องก็เล็กแค่นี้ ถ้าบอกว่าเอาขึ้นมาแล้ว แล้วดูซิมันจะไปอยู่ไหนได้
“ เดี๋ยวค่อยๆ ดูไปก็เจอมั้ง ”
เบ็นพูดตอนที่ช่วยแพงเก็บเสื้อที่รื้อออกมาดูเข้าไปในตู้เหมือนตอนก่อนรื้อ
“ หรือไม่งั้นก็ใส่ตัวอื่นนอนไปก่อนมั้ยแพง ”
เบ็นออกความเห็น
“ ก็บอกว่ามันใส่สบาย! เบ็นนี่! แล้วหาของไม่เจอแบบนี้แพงจะนอนหลับได้ยังไงล่ะ! ”
แพงบ่น พาลเหมือนกับว่าเป็นความผิดของเบ็น
“ เซ็งอ่ะ เบ็น นี่ทำไมแพงจะต้องมาหงุดหงิดกับเรื่องอะไรก็ไม่รู้ด้วยเนี่ย ปิดเทอมยิ่งเบื่อๆอยู่ โอ๊ย! ปวดฉี่ด้วย ”
แพงเริ่มบ่นรวมฮิตเรื่องรำคาญใจ เบ็นยิ้มแหยๆ ไม่รู้จะทำยังไงให้ดีไปกว่านั้น เพราะที่ช่วยหาอยู่ก็ยังไม่เจอเหมือนกัน แพงลุกขึ้นบิดขีเกียจ แล้วเดินออกจากห้องจะไปเข้าห้องน้ำ
ตอนที่เดินผ่านห้องพัด แพงก็เลยเปิดประตูห้องดูไปอย่างงั้นเผื่อๆ แต่พอเปิดไฟก็ต้องตกใจที่เห็นผ้าสีแดงคุ้นๆ ตา
ชุดแส็กมือสองของเธอที่หาย มาวางนอนพาดยาวอยู่บนพื้นหน้าราวกางเกงของพัดนี่เอง!
ผลงานอื่นๆ ของ jiaks ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ jiaks
ความคิดเห็น